ลักษณะทั่วไป
อาการปวดประจำเดือนโดยทั่วไป เกิดขึ้นเนื่องจากผนังมดลูกมีการสร้างสารชนิดที่เรียกว่า โพรสตาแกลนดิน(Prostaglandin) หลั่งออกมามากขึ้น หรือมีความไวต่อสารตัวนี้เพิ่มขึ้น ทำให้มีการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูกและมดลูกหดตัวแรงขึ้น อันเป็นสาเหตุของอาการปวดประจำเดือน นอกจากนี้ยังทำให้เส้นเลือดหดตัวในส่วนอื่นของร่างกายได้อีก เช่น ทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเดิน ร่วมกับอาการปวดประจำเดือน
อาการปวดประจำเดือน พบได้ประมาณ 70 % ของผู้หญิง ในวัยที่มีประจำเดือน ส่วนใหญ่จะปวดประจำเดือนไม่มากและสามารถทำงานได้ตามปกติ ส่วนน้อยเท่านั้น ที่อาจปวดประจำเดือนรุนแรงจนต้องพักงานอาการปวดประจำเดือนแบ่งได้เป็น ชนิดธรรมดา (ปฐมภูมิ) ซึ่ง พบเป็นส่วนมาก กับชนิดผิดปกติ (ทุติยภูมิ)ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย ปวดประจำเดือนชนิดธรรมดา หรือปฐมภูมิ (Primary dysmenorrhea) จะพบในเด็กสาว ส่วนมากจะเริ่มมีอาการปวดประจำเดือนตั้งแต่มีประ จำเดือนครั้งแรก หรือไม่ก็เกิดขึ้นภายใน 3 ปี หลังมีประจำเดือนครั้งแรก จะมีอาการมากที่สุด
ในช่วงอายุ 15-25 ปี หลังจากวัยนี้อาการปวดประจำเดือนจะค่อย ๆ ลดลง บางคนอาจหายปวดประจำเดือนหลังแต่งงาน โดย เฉพาะอย่างยิ่งหลังมีบุตรแล้ว จะมีส่วนน้อยที่ยังอาจมีอาการตลอดไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน การปวดประจำเดือนชนิดนี้ จะไม่มีความผิดปกติของมดลูกและรังไข่แต่อย่างใด
ปวดประจำเดือนชนิดผิดปกติหรือทุติยภูมิ (Secondary dysmenorrhea) จะมีอาการปวดครั้ง แรกเมื่อมีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป โดยก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีอาการปวดประจำเดือนเลย มักมี ความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ เช่น เนื้องอกของมดลูกเยื่อบุมดลูกงอกผิดที่ มดลูกย้อยไป ด้านหลังมาก ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง เป็นต้น เชื่อว่าอารมณ์มีส่วนเสริมความรุนแรงของการปวดประจำเดือนทั้ง 2 ชนิด เช่น พบว่าคนที่อารมณ์อ่อนไหวง่าย หรือมีความเครียดจะมีอาการปวด ประจำเดือนรุนแรงกว่าคนที่มีอารมณ์ดี
อาการปวดประจำเดือน
จะเริ่มมีอาการก่อนมีประจำเดือนไม่กี่ชั่วโมง และเป็นอยู่ตลอดช่วง 2-3 วันแรกของประจำ เดือน โดยมีอาการปวดบิดเป็นพัก ๆ ที่บริเวณท้องน้อย บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน ใจคอหงุดหงิดร่วมด้วย ถ้าปวดประจำเดือนรุนแรงอาจมีอาการเหงื่อออกตัวเย็น มือเท้า เย็นได้
เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปวดประจำเดือน
ควรให้ความมั่นใจแก่เด็กสาวที่เริ่มมีอาการปวดประจำเดือนว่าโรคนี้ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่อย่างใด และส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้นอาจทุเลา หรือหายได้เอง ตลอดจนให้ความรู้ที่ ถูกต้องเกี่ยวกับประจำเดือนถ้าพบว่าอาการปวดประจำเดือนเริ่มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในผู้หญิงอายุมากกว่า 25 ขึ้นไป หรือยังมีอาการปวดมากหลังแต่งงาน หรือมีเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติ ควรแนะนำ ไปโรงพยาบาลอาจต้องตรวจภายใน ค้นหาสาเหตุให้แน่นอน
มาดูผู้ที่กินน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวชนิดแคปซูลไวทอลสตาร์เป็นประจำพูดถึงอาการปวดประจำเดือน
"ดิฉันได้ลองรับประทานเองเป็นระยะเวลา 4 เดือนแล้ว และเพื่อนๆ ทุกคนที่ทานเป็นปี ๆ พบว่าสุขภาพแข็งแรง หลับสบายขึ้น หน้าใสขึ้น ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ยิ่งทานมากยิ่งดีค่ะ เพราะมันมีสารต้านมะเร็งได้ดีมากๆ สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ช่วยในการชะลอความแก่ได้ดีมากๆ และลดปัญหาเรื่องงโรคเสื่อมได้ดีมากค่ะ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเป็นสารอาหารที่สกัดมาจากธรรมชาติล้วนๆ ไม่ใช่สารสังเคราะห์ ยิ่งกินมากเท่าไหร่ ยิ่งดีต่อสุขภาพมากเท่านั้น ดิฉันเป็นคนสุขภาพแข็งแรง แต่มีปัญหาเรื่องปวดประจำเดือนและหลับไม่ค่อยสนิท และสิว พอทานเข้าไปก็รู้สึกได้ทันทีว่าหายปวดประจำเดือน หลับสนิทขึ้น ตื่นมาสดชื่น เพราะร่างกายได้หลับเต็มที่ หายปวดเมื่อยหลังจากการทำงานหน้าคอมพ์ และหน้าใสด้วยค่ะ ยังคงยืนยันนะคะว่าทานมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น ดิฉันทานอย่างน้อยวันละ 6 เม็ดทุกวันค่ะ ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายได้รับสารอาหารได้เพียงพอต่อความต้องการริโภคนะคะ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวไวทอลสตาร์ของเอมสตาร์ เป็นน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ยี่ห้อเดียวที่ส่งขายญี่ปุ่นได้ และได้รับการรับรองจากโอมิก ว่าไม่มีสารใดๆตกค้างเลยแม้แต่นิดเดียว"
น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวชนิดแคปซูล ขึ้นทะเบียนรับรองจากองค์การอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุข (อย.) เลขที่ 11-1-10249-1-0001
รับประทาน วันละ 4 แคปซูล (หลังอาหาร) แบ่งเป็นช่วงเช้า 2 แคปซูล ช่วงเย็น 2 แคปซูล
รับประทาน วันละ 4 แคปซูล (หลังอาหาร) แบ่งเป็นช่วงเช้า 2 แคปซูล ช่วงเย็น 2 แคปซูล
สั่งซื้อน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ชนิดแคปซูล
โทร. 086-9106910 อังกูร
โทร. 086-9106910 อังกูร
กระปุกละ 750 บาท บรรจุ 60 แคปซูล