วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จุดเด่นของธุรกิจเครือข่ายMLMหรือ Networking System

1. Win - Win Business (ธุรกิจที่ชนะ-ชนะ ) หมายความว่า  เมื่อคนที่ท่านแนะนำเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย  ประสบความสำเร็จ ท่านในฐานะผู้แนะนำ(ผู้สปอนเซอร์)  ก็จะประสบความสำเร็จด้วย

2. No - Risk Business (ธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยง) ด้วยขนาดเงินลงทุนต่ำ แต่ใช้สัมพันธภาพสูง ใช้เวลาพอสมควร ท่านไม่ต้องลงทุนสร้างทรัพย์สิน อาคาร, อุปกรณ์, ที่ดิน (บนกองหนี้สิน)
แต่ท่าน..กำลังสร้างทรัพย์สินคือ เครือข่ายประชากร (People Assets) ที่ผูกโยงกันด้วยสัมพันธภาพ
และได้ผลตอบแทนจากทรัพย์สินบนบันทึกข้อตกลงผลประโยชน์ร่วมกัน!  และผลตอบแทนนี้ได้มาจาก ผลรวมของทั้งเครือข่าย  บางคน  เรียกผลตอบแทนนี้ว่า Passive Income (คือรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แม้ว่าคุณจะหยุดทำงาน  เช่น  ฝากเงินธนาคารกินดอกเบี้ย)

3. เป็นธุรกิจที่ท่านสามารถเลือกเวลาทำงานตามใจปรารถนา
ไม่ต้องตอกบัตรเข้างาน 8.00 น. ไม่ต้องตอกบัตรออกงาน 17.00 น. ไม่ต้องยื่นใบลากิจ, หรือขอลาพักร้อนกับใคร นอกจากขออนุญาติตัวเอง! เป็นเจ้านายงานในเวลาของตนเอง(Time Freedom) นั่นคือ... มีอิสระภาพทางเวลา!

4. เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในทิศทางใหม่ของโลก เพื่อให้ท่านได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น (Home Based Business) เพราะธุรกิจนี้ทำบนโต๊ะอาหารภายในบ้านของท่านและบ้านของคนในเครือข่ายได้

5. เป็นระบบที่เสริมสร้างโอกาสให้ได้ร่วมทำงานกับคนหลากหลายอาชีพ, หลากหลายประสบการณ์, หลากหลายวัฒนธรรม (Multi Experience - Multi Profession - Multi culture) บนความเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นเจ้านาย-ลูกน้อง  ทุกคน คือ สมาชิกอิสระ (Distributor) ภายในระบบธุรกิจมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ในวิชาชีพ  องค์ความรู้ในผลิตภัณฑ์  จิตวิญญาณที่ปลุกพลังแห่งความสำเร็จลงไปเป็นชั้น ๆ ต่อ ๆกัน ไม่รู้จบ

6. เป็นธุรกิจที่ต่อเชื่อมท่านเข้ากับธุรกิจข้ามชาติระดับโลก  ท่านไม่ต้องสร้างระบบใหม่ด้วยตนเอง แต่ดำเนินตาม, ปฏิบัติตามแบบแผน ธุรกิจ (Business - format) ที่วางไว้อย่างดีเป็นแบบเดียวกันทั่วโลก (บางคนเรียกว่าเครือข่ายของ แฟรนไชส์ ระดับเล็กๆ หรือระดับบุคคลมาผูกโยงเชื่อมกัน (Network of Micro or Personal Franchisee) แต่ไม่ต้องจ่ายค่ารอยัลตี้ (Royalty fee)หรือค่าเฟรนไชส์ ใดๆเลย

7. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่มีผลกำไรงอกเงยขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง/วัน ตลอด 365 วัน/ปี แม้ท่านเองจะหยุดพักผ่อน, หยุดพักร้อน เพราะเวลาทำงานภายในเครือข่ายของท่าน อาจอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านนอนหลับ หรือกำลังทำงานอยู่ในขณะที่ท่านลาหยุดพักร้อน

8. เป็นระบบธุรกิจเดียวที่ผลงานแห่งความพากเพียรของท่าน วันละ 2 ชั่วโมง สามารถทวีคูณไปเป็น วันละ 2,000 ชั่วโมง, 20,000 ชั่วโมง  ..แปรผันตามความใหญ่โตของเครือข่ายของท่าน และเมื่อท่านสามารถสร้างสินทรัพย์(People Assets) เครือข่ายอย่างมีคุณภาพ ท่านก็สามารถทำงาน เต็มที่เพียง 3 - 5 ปี เพื่อรับบำนาญติดต่อกันไปตลอดชีวิต

หากท่านเป็นลูกจ้าง (Employee) มีรายได้จากเงินเดือนเป็นหลัก ท่านอาจต้องทำงาน 35ปี (ตั้งแ่ต่อายุ25-60ปี) เพื่อรอกินบำนาญเพียงเล็กน้อยต่อไป 5-15ปี (นับจากอายุ 60ปีเป็นต้นไป-ถามว่าท่านรอไหวหรือไม่)

หากท่านเริ่มงานด้วยเงินเดือนเริ่มต้น เดือนละ 7000 บาท และโชคดีเงินเดือนของท่านได้รับการปรับเพิ่มทุกๆปี  ปีละ 5-10%  เมื่อทำงานติดต่อกันถึง 35 ปี.... ท่านจะได้รับเงินจากผลงานทั้งชีวิต (420 เดือน)
รวมประมาณ 7 ล้านบาท

แต่ท่านทราบไหมว่า???  เงิน7ล้านบาทนี้ ท่านอาจสร้างขึ้นได้จากธุรกิจระบบเครือข่ายภายในเวลาไม่ถึง 2 ปีหรือ5 ปี
(หากครบองค์ 5 : บริษัทมั่นคง, ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี แผนธุรกิจดี, แนวโน้มเศรษฐกิจเอื้ออำนวย, อยู่ในเวลาและโอกาสอันเหมาะสม)


สนใจสร้างธุรกิจเครือข่าย  กรุณาติดต่อ  086-9106910

MLM

MLM คืออะไร ?


MLM (Multi level Marketing) คือ  การขยายเครือข่ายผู้บริโภค  สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Network Marketing

          การขยายเครือข่ายผู้บริโภค  เพื่อมุ่งเน้นการคืนกำไรสู่ผู้บริโภค ผ่านแผนการตลาดที่วิเคราะห์โดยนักการตลาดมืออาชีพ ให้เราแปรรูปจากการเป็นผู้บริโภคธรรมดา มาเป็นได้ถึง 3 สถานภาพ โดยเป็นทั้งลูกค้า ผู้ขายและผู้บริหารในคนเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร ที่ผู้ทำ MLM ไม่ได้ขายสินค้าเอง แต่มีรายได้เป็นแสน เป็นล้านบาท เพราะเขาได้ทำการบริหารองค์กร  เขาจึงมีรายได้จากการบริหารจำนวนมากต่อเดือน

          เมื่อคุณสร้างองค์กร แท้จริงแล้วคุณกำลังสร้างเครือข่ายที่ใช้การกระจายสินค้าของคุณเอง การขายนั้นยังคงเป็นรากฐานของธุรกิจเครือข่าย เพียงแต่การขายในธุรกิจเครือข่ายนั้นมาจากการที่ผู้จำหน่าย "แบ่งปัน" คนส่วนใหญ่ไม่รู้ความแตกต่างระหว่าง MLM กับ การขายตรง ซึ่งแท้จริงแล้ว มีลักษณะบางอย่างที่แยก MLM ออกจากการขายตรง คือการเข้าร่วมธุรกิจMLMคือคุณจะซื้อสินค้าในราคาขายส่ง (คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองด้วย)หลายคนเข้าร่วมเพราะเหตุผลข้อนี้ ที่ไม่ได้เน้นเรื่องการขายเป็นหลัก ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นมาจาก "การสร้างองค์กร"
ประเด็นสำคัญ : ให้การขายเป็นสิ่งที่ตามมาจากการสร้างองค์กรโดยธรรมชาติ คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเพราะเขาทำสิ่งที่กลับกัน คือ เขาพยายามสร้างองค์กรโดยการขาย คำว่า "ขาย" เป็นความคิดทางลบในใจคนถึง 95% ในธุรกิจเครือข่ายคุณไม่จำเป็นต้อง "ขาย" ตามความเข้าใจของโลก แต่อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นไม่มีใครได้รับเงินได้

มีหลายคนมักถูกเข้าใจสับสนกับ MLM ก็คือ แบบพีรมิค(แซร์ลูกโซ่) ดังที่ทราบกันแล้วว่าพีรมิดนั้นผิดกฎหมายเหตุผลสำคัญที่พีรมิคผิดกฎหมาย เพราะว่ามันไม่สามารถเคลื่อนผลิตภัณฑ์ หรือ บริการไปสู่ผู้บริโภคได้ ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่เคลื่อนไหว เราจะเรียกมันว่า "การตลาด" ได้อย่างไร พีรมิดสามารถใช้คำว่า "เครือข่าย" ได้ แต่ไม่สามารถใช้คำว่า "การตลาดได้"

MLM เป็นระบบการตลาดที่ให้โอกาสในการประสบความสำเร็จแก่ทุกคนเท่าเทียมกัน โดย ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร และใครเข้ามาก่อนหรือใครเข้ามาที่หลัง เป็นการเปิดโอกาสให้คุณสามารถทำธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ลองศึกษาแผนการตลาดของเราให้ดีเถอะครับ จะได้ไม่ต้องเสียโอกาสดี ๆ ถ้าบริษัทดี แผนการตลาดดีตรงใจคุณ ทีนี้ก็เหลืออยู่แต่ว่าตัวคุณเองนั่นแหละพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือยัง?


MLM ทำงานอย่างไร?

การทำงานในระบบ MLM ก็คือ การสร้างเครือข่ายและการวางแผนที่ดี เป็นการผสมการขายตรงและการสร้างเครือข่ายขึ้นมาต่อยอด ซึ่ง เราต้องหาผู้ร่วมอุดมการณ์มาต่อยอดและสานต่องานของเรา และเขาก็ต้องหาผู้ร่วมอุดมการณ์มาต่อยอด ต่อๆกันไป โดยที่คนเป็น Upline จะได้ค่าสอนงานหรือค่าลิกขสิทธ์เป็นรายได้ จากการที่ Downline ของเขาทำงานได้
การทำงานของ MLM ในอุดมคติ คือ การที่เราไม่ต้องวิ่งหา Downline หรือลูกค้า เพื่อสร้างเครือข่าย และไม่ต้องโทรศัพท์หรือเรียกร้องคนที่ไม่สนใจมาร่วมงานหรือซื้อสินค้า ซึ่งมันกำลังจะเป็นไปได้ในเร็ววันนี้!


ทำไมคนส่วนมากถึงเกลียด MLM?

มีหลายเหตุผลที่ทำให้คนไม่ชอบ MLM
•ประสบความล้มเหลวจากการลงทุนในธุรกิจเครือข่าย
  - การโดนหลอกให้ไปลงทุนโดยที่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง
  - การโดนสอนงานในวิธีผิดๆสืบต่อกันมา
•ต้องปฎิเสธสิ่งที่ไม่ต้องการนับร้อยนับพันครั้งจากการโดนตื้อ
  - การโดนชวนไปร่วมธุรกิจ
  - การโดนยัดเยียดสินค้า
 
ความมั่นคงของงาน MLM?

ความมั่นคงของ MLM ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก แต่ขึ้นอยู่กับ
•การวางแผนของคุณ
 - การตั้งเป้าหมาย
 - การขจัดปัญหาและอุปสรรค์
•ไม่มีใครมาไล่คุณออกได้ ยกเว้นคุณทำผิดกฎหมายหรือกฎของบริษัทที่คุณเป็นตัวแทน
 - ถ้าท่านทำงานประจำ แล้วบริษัทต้องการลดตำแหน่งลง แน่นอนท่านจะไม่มีงานทำ
•เป็นมรดกให้แก่ลูกหลานหรือภรรยาได้หากท่านถึงแก่กรรม
 - ถ้าท่านทำงานประจำ แล้วถึงแก่ชีวิต แน่นอนว่าครอบครัวท่านจะลำบาก

รายได้ของการทำ MLM?

รายได้ของ MLM เหมือนกับบริษัททั่วไปคือขึ้นอยู่กับ แผนงาน การบริหารองค์กร และการตลาด
• ขึ้นอยู่กับสินค้าที่คุณจัดจำหน่าย
• ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่บริษัทผู้ผลิตเป็นผู้กำหนดมาให้
• ขึ้นอยู่กับคุณเข้าใจในธุรกิจเครือข่ายมากขนาดไหน


ทำไมถึงเห็นคนทำ MLM แล้วล้มเหลวกันมากมาย?

เหตุที่ทำให้คนล้มเหลวไม่ใช่สินค้า บริษัท หรือระบบ MLM แต่มันคือ
• ระบบการสอนที่สอนกันมาที่ผิดๆ
• ขาดความรอบคอบในการลงทุน
  - ลงเงินซื้อสินค้าเพื่ออัพเกรดตำแหน่ง โดยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ?
  - จัดการบริหารเงินไม่เป็น รู้แค่ว่าจ่าย แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเงินคืนมาจากไหน?
• ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
  - เข้าไปนั่งฟังเป้าหมายในชีวิตและความฝัน แต่ไม่รู้ว่าต้องทำงาน
  - โดนกดดันให้ซื้อตำแหน่งจาก Upline
  - รู้แค่คำว่า "คุณต้องทำได้" แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร?

ธุรกิจ MLM นี้จะอิ่มตัวไหม?

ตราบใดที่ประชากรโลกยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ MLM ไม่มีวันอิ่มตัวซ้ำยังจะเจริญมากยิ่งขึ้นอีก
• ยากที่จะอิ่มตัวในเรื่องตำแหน่ง
  - เทียบกับงานประจำที่มีตำแหน่งว่างเพียง 1 - 2 ตำแหน่งแล้ว
  - เทียบกับงานฟรีแลนซ์ที่ต้องแย่งประมูล
• ยากที่จะอิ่มตัวในเรื่องลูกค้า
  - ยังมีคนอีกมากที่ยังไม่รู้จัก เพราะการเสนอสินค้าเป็นแบบปิด
  - ยังมีประชากรเพิ่มขึ้นตลอด
• และแนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศษฐกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สนใจทำธุรกิจเครือข่าย  กรุณาติดต่อ  086-9106910

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทำความรู้จักกับ Aim Star เอมสตาร์

บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อ เดือนธันวาคม 2548 สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อาคารพาร์คเพลินจิต ถ.สุขุมวิท ซอย1 (ลงรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต) จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย และบริหารจัดการด้วยเงินสดทั้งระบบ (ไม่กู้ธนาคาร)

AIM STAR ก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค (Consumer Product) ที่คัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพเยี่ยมมาตราฐานสูงและทรงประสิทธิภาพจากทั่วโลก โดยมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบเครือข่ายด้วยแผนสตาร์แมทชิ่ง (Star Matching) ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการจ่ายผลตอบแทนที่สร้างรายได้แก่นักธุรกิจเอมสตาร์ อย่างต่อเนื่อง และไร้ขีดจำกัด

สินค้ามี 5 หมวดหมู่ ได้แก่

1. Vital Star – ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ เช่น น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว (สินค้าพระเอกของงาน) แคลเซียม โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง สารสกัดจากถั่วชาว กาแฟเพื่อสุขภาพ เป็นต้น
2. ASNI - ผลิตภัณฑ์ดูแลถนอมผิวหน้า
3. ASNI - เครื่องสำอางชุดสีสัน
4. ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว มี2ยี่ห้อ คือBody Soft และ Profi ได้แก่ ครีมอาบน้ำ ยาสีฟัน โลชั่นบำรุงผิว เป็นต้น
5. Tidy Home - ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ได้แก่ น้ำยาล้างรถ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ล้างจาน ล้างห้องน้ำ เป็นต้น


ปัจจุบัน Aim Star มีสาขาทั้งหมด 27 สาขาในประเทศไทย


- สุขุมวิท ซ.1
- เซียร์ รังสิต
- ฟิวเจอร์บางแค
- รามคำแหง
- นครปฐม
- นครศรีธรรมราช
- หาดใหญ่
- เชียงใหม่
- เดอะมอลล์ โคราช
- อรัญประเทศ
- โรบินสัน โอเชี่ยน
- เฉลิมไทย ชลบุรี
- อุบลราชธานี
- ศรีราชา
- สระบุรี
- พิษณุโลก
- เชียงราย
- ฉะเชิงเทรา
- ระยอง
- ภูเก็ต
- สมุทรปราการ
- อยุธยา
- สุพรรณบุรี
- ขอนแก่น
- อุดรธานี
- ปราจีนบุรี
- จันทรบุรี
- เพชรบุรี

2 สาขาในต่างประเทศ
กัมพูชา ,ญี่ปุ่น (เป็นบริษัทของคนไทยบริษัทแรกที่ได้เปิดที่ญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว)
นอกจากนี้จะมีโครงการ เปิดสาขาในอเมริกา และ อินเดีย อีกด้วย

จุดเด่นของบริษัทเอมสตาร์เน็ทเวิร์ค คือ

*บริษัทมีตัวตนจริง อยู่ที่อาคารพาร์คเพลินจิต (เป็นเจ้าของอาคารเองไม่ได้เช่า) อยู่สุขุมวิท ซอย1 สามารถจับต้องได้เพราะบริษัทเป็นของคนไทย และกำลังสร้าง สนง.ใหญ่ แห่งใหม่ ริมถนนสุขุมวิท59 เนื้อที่ 1 ไร่ มูลค่า 100 ล้าน (บริหารด้วยเงินสด ไม่กู้ธนาคาร)

* สินค้าครบวงจร กว่า 120 รายการ และสินค้าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และใช้แล้วได้ผล โดยเฉพาะอาหารเสริมน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ที่ส่งไปเปิดตลาดที่ญี่ปุ่น เป็นรายแรกของประเทศไทย โดยสาธารณสุขที่ญี่ปุ่นรับรองแล้ว

* สินค้าเป็นของใช้ประจำวันซึ่งทุกคนใช้อยู่แล้ว กว่า 120 รายการ ทั้งประเภท "จำเป็นต้องใช้" และ "จำเป็นจึงใช้" คุณจึงสามารถเลือกได้หลากหลาย อยากซื้อ อยากใช้อะไร ก็ใช้อันนั้น ไม่ต้องสต๊อก

* แผนธุรกิจทำง่าย เข้าใจง่าย

* มีระบบสนับสนุนความสำเร็จที่พร้อมมากๆ เพราะผู้บริหารมีประสบการณ์ในธุรกิจเครือข่าย 20 ปี

* ค่าสมัครสมาชิกเพียง 300 บาท ทำตลาดได้ทุกชนชั้น

* มีระบบการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ สั่งวันนี้พรุ่งนี้ได้รับเลย สะดวกมากๆ ไม่จำเป็นว่าจังหวัดที่คุณทำ จะมีสาขาของบริษัทตั้งอยู่หรือไม่
* สินค้าทุกรายการ เป็นคุณภาพส่งออก เนื่องจากเอมสตาร์ ไม่ได้มีเป้าหมายเปิดตลาดแค่เพียงในประเทศ แต่ต้องการเปิดตลาดไปทั่วโลก และเมื่อเทียบคุณภาพกับราคาแล้ว พบว่าถูกกว่าตามท้องตลาดมาก (ในคุณภาพเทียบเท่ากัน)

* AIM STAR NETWORK ใช้ระบบ ONE CODE ONE WORLD หนึ่งรหัสทั่วโลก ในการขยายธุรกิจไปประเทศอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องสมัครใหม่ ใช้รหัสเดิมทำธุรกิจได้เลย (มีโครงการขยายสาขาเพิ่มอีกกว่า 20 ประเทศทั่วโลก)

* ล่าสุด มีระบบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ โดยสามารถชำระผ่านบัตรเครดิตได้เลย สะดวกมากๆ ใครไม่มีบัตรเครดิต ก็สามารถใช้บัตรเดบิตได้

ในปี 2552 ยอดธุรกิจสูงถึง 2,000 ล้านบาท มีสมาชิกกว่า 500,000 รหัสและในปี 2553 เป้าหมายคือ 15,000 ล้านบาท ด้วยจำนวนสมาชิก 3 ล้านรหัส

เช็คความพร้อม ก่อนทำธุรกิจ
- รักการเรียนรู้ เพราะ เอมสตาร์มีระบบอบรมที่แข็งแกร่ง
- ความมุ่งมั่น
- เงินลงทุนเบื้องต้น ค่าสมัครสมาชิก 300 บาท และบริโภคสินค้าต่อเดือน 900บาท เพื่อรับสิทธิประโยชน์ด้านรายได้

จุดเด่นของ Aim Star
- ลงทุนน้อย
- รักษาสิทธิ์ต่อเดือนน้อย ประมาณ 900 บาท
- บริษัทมีความมั่นคง
- ผู้บริหารมีความรู้ด้านธุรกิจเครือข่าย
- มีระบบสร้างความสำเร็จ แม้ว่าคนที่ตัดสินใจเข้ามาจะล้มเหลวมาจากค่ายอื่น หรือไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน เรามีระบบรองรับ ทำให้ทุกคนที่เข้ามาในธุรกิจเอมสตาร์ประสบความสำเร็จได้ทุกคน

สนใจสร้างธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภคสินค้าเอมสตาร์กับเรา ติดต่อ อังกูร 086-9106910


ขอขอบคุณที่มาของบทความ

การสมัครสมาชิกเอมสตาร์ Aim Star

สมัครสมาชิก AIMSTAR


การก้าวสู่ธุรกิจเอมสตาร์

การเริ่มธุรกิจกับบริษัท เอมสตาร์ เน็ตเวิร์ค  ในฐานะนักธุรกิจเอมสตาร์ เราสามารถเริ่มต้นโดยใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อยในการสมัครและซื้อสินค้า เพื่อสัมผัสความประทับใจต่อสินค้าด้วยตนเอง หลังจากนั้นเราก็สามารถแนะนำสินค้าให้กับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง คนที่เรารู้จักหรือคนที่เรามีความปรารถนาดี ให้เขาได้มีโอกาสใช้สินค้าเหมือนเรา เพียงเท่านี้เราก็เริ่มมีเครือข่ายผู้บริโภคของเราเอง และได้รับรายได้จากการสร้างเครือข่ายของผู้บริโภคของเราตามแผนธุรกิจสตาร์แมทชิ่ง

คุณสมบัติของผู้สมัคร


- ผู้สมัครจะต้องมีอายุ18ปีขึ้นไป ในกรณีผู้สมัครมีอายุไม่ครบ 20ปีบริบูรณ์ ผู้สมัครต้องได้รับความยินยอมจากบิดา/ มารดา หรือผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมาย  โดยผู้ปกครองต้องนำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านพร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้องแนบมาด้วย

- กรณีของสามีและภรรยา ถือเป็นบุคคลเดียวกัน สามารถสมัครในรหัสเดียวกันเท่านั้น

- กรอกใบสมัครให้ถูกต้องชัดเจนและยื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่บริษัท เพื่อรับบัตรประจำตัวนักธุรกิจเอมสตาร์

- ปฎิบัติตามกฎระเบียบ ข้อตกลง และแผนธุรกิจของบริษัท

- อัตราค่าสมัครนักธุรกิจเอมสตาร์ 300 บาท

เอกสารประกอบการสมัคร
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้สมัครและผู้สมัครร่วม (ถ้ามี) พร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง

- สำเนาสมุดบัญชีธนาคารของผู้สมัครหลักเท่านั้น

- กรณีที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสมัครเป็นนิติบุคคล  ผู้สมัครต้องมีชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทผู้สมัครต้องเป็นผู้ถือหุ้นมากกว่า 90% ขึ้นไป และใช้เอกสารสำเนาหนังสือรับรองบริษัท และสำเนาทะเบียนการค้า พร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง

- กรณีผู้สมัครอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ต้องนำสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ปกครอง พร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง

- สำหรับชาวต่างชาติให้แนบสำเนาหนังสือเดินทางและสำเนาสมุดบัญชีธนาคารที่เปิดในประเทศไทยพร้อมเซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง

สิทธิประโยชน์ของนักธุรกิจเอมสตาร์


- ได้รับคู่มือเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจเอมสตาร์ 1 ชุด

- ได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพโดยถาวร จากอุบัติเหตุ วงเงิน 100,000 บาท / คน หากสมัครร่วม 2 คน จะได้รับการคุ้มครองวงเงิน 50,000 บาท / คน ตามแบบประกันอุบัติเหตุที่บริษัทได้กำหนดไว้

- ได้รับบัตรประจำตัวนักธุรกิจเอมสตาร์ 1 ใบ กรณีสมัครคู่ จะได้รับบัตรคนละ 1 ใบ

- ได้รับนิตยสารวันเวิลด์ (One World) เป็นประจำตลอดสมาชิกภาพ

- ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมการฝึกอบรมต่างๆของบริษัท

- ได้รับรายได้ และผลตอบแทน ตามแผนธุรกิจสตาร์แมทชิ่ง


สนใจเป็นนักธุรกิจเอมสตาร์
ติดต่อ  อังกูร  086-9106910
E-MAIL:  tonge_8@hotmail.com

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

5ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อการสร้างรายได้ไม่จำกัดกับ เอมสตาร์ Aim Star

5ขั้นตอนง่ายๆ  เพื่อการสร้างรายได้ไม่จำกัดกับ เอมสตาร์ Aim Star
(เงื่อนไขนี้ไม่ไช้เงื่อนไขที่ทางบริษัทได้กำหนดไว้)

1. สมัครเป็นสมาชิก 300บาท(วิธีการสมัครสมาชิก)

-ได้รับคู่มือเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจเอมสตาร์ 1 ชุด

-ได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพโดยถาวร จากอุบัติเหตุ วงเงิน 100,000 บาท

2. กิน,ใช้  ผลิตภัณฑ์ของ Aim Star(เริ่มด้วยน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว) ใช้ดีแล้วจึงบอกต่อ

3. รักษายอด 300PVต่อเดือน หรือประมาณ 900บาท/เดือน  เพื่อรับสิทธิ์ในการได้รับรายได้และผลตอบแทนตามแผนธุรกิจสตาร์แมทชิ่ง

4. เปลี่ยนคุณสมบัติตัวเองให้เป็นซุปเปอร์ไวเซอร์(Supervisor) ด้วย1000PVต่อเดือน ในครั้งเเรก ครั้งเดียว ประมาณ 3000 บาท/เดือน (1PV = 3 บาท) จะสะสมทีละน้อยหรือซื้อทีเดียวก็ได้ (จะซื้อใช้เองหรือแนะนำ) ครั้งเดียวตลอดชีวิต

5.ชวนคนมาสมัครอย่างน้อยเเค่2คน หรือมากกว่านั้น(ยิ่งแนะนำมากเครือข่ายผู้บริโภคก็จะยิ่งทวีคูณ)

สนใจเป็นนักธุรกิจเอมสตาร์
ติดต่อ  อังกูร  086-9106910
E-MAIL:  tonge_8@hotmail.com

ไขมันดี ไขมันเลว คืออะไร

เป็นที่ทราบกันดีว่า อาหารที่เรารับประทานทุกวันนี้ มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า อาหารบางชนิดก็เกิดโทษอย่างที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกัน เช่น อาหารที่มีไขมันสูงอาจจะทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันที่หัวใจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดในคนสูงอายุเท่านั้น ปัจจุบันเราพบภาวะไขมันสูง และมีโรคเส้นเลือดอุดตันในคนหนุ่มสาวได้เช่นกัน

เนื่องจากคนไทยเรายุคนี้ แนวโน้มของการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงจะมากขึ้นจากอิทธิพลของชาวตะวันตก จึงพบว่าคนไทยเรามีอัตราเสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตันเพิ่มขึ้นไปด้วย

นอกจากนั้น ความอ้วนและการชอบรับประทานอาหารรสเค็มจัดเป็นประจำ ก็เป็นปัจจัยเสริมของการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้

เนื่องจากปัจจุบัน เรามีการศึกษาเรื่องไขมันและโทษของไขมันมากขึ้น จึงอยากให้มาทำความรู้จักกับไขมันในเลือด ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 2 กลุ่ม (เพื่อสะดวกในการจำและนำไปใช้) ดังนี้

1. ไขมันเลว (ถ้ามีปริมาณมากจะเป็นโทษต่อร่างกาย) ได้แก่ โคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์, LDL, ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) นอกจากนั้นก็มีไขมัน TFA (TFA คือ ไขมันดี ที่ผ่านกระบวนการทางอุตสาหกรรมหรือทางเคมีแล้วกลายเป็นไขมันเลวTFA อย่างเช่น การกลั่นน้ำมันพืช(การกลั่นต้องใช้ความร้อนสูงมาก) หรือกระบวนการทำให้อาหารกรอบ เช่น คุ๊กกี้ขนมกรอบ ที่เติมไฮโดรเจนเพื่อให้อาหารกรอบ เป็นต้น)

2. ไขมันดี ได้แก่ HDL,
เลซิติน, ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated Fat) (ซึ่งรวมถึงไขมัน โอเมก้า 3 ด้วย) พวกนี้จัดเป็นไขมันดี ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดอุดตันในสมองและหัวใจ

เราควรรู้ค่าปกติของ ไขมันในเลือดบางตัวที่เราสามารถตรวจวัดได้ดังนี้

1. โคเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol) เป็น
โคเลสเตอรอลทุกชนิดรวมกัน ค่าปกติไม่ควรเกิน 200 mg% หากใครมีสูงกว่ากำหนด ต้องงดอาหารจำพวก เช่น ไข่แดง, ไขมันสัตว์, เครื่องในสัตว์ ซึ่งอาหารเหล่านี้มีโคเลสเตอรอลสูงแทบทั้งสิ้น

2. HDL เป็นไขมันดี ค่ายิ่งสูงยิ่งดี, ถ้าต่ำกว่า 40 mg% ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดอุดตันที่หัวใจ การสูบ บุหรี่, ภาวะอ้วน, ภาวะขาดอาหาร จะทำให้ HDL ต่ำลงได้ ส่วนการออกกำลังกายจะทำให้ HDL เพิ่มขึ้น การดื่มไวน์แดงจำนวนเล็กน้อยเป็นประจำพบว่าเพิ่มไขมัน HDL ได้ถึง 5-10%

3. LDL เป็นไขมันเลว ปกติไม่เกิน 130 mg% ถ้าเกิน 160 mg% จะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น การควบคุมว่าจะเข้มงวดมากน้อยเพียงไร, ต้องกินยารักษาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเรามีโรคอย่างอื่นที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจร่วมอยู่ด้วยหรือไม่

4. ไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันเลวอีกชนิดหนึ่ง ถ้าสูงมากจะเกิดตับอ่อนอักเสบได้ หรือเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจได้ ค่าปกติไม่ควรเกิน 200 mg% พบมากในอาหารจำพวกแป้ง, น้ำตาลและของหวาน

ส่วนไขมันอิ่มตัวหรือไขมันไม่อิ่มตัวนั้น เราตรวจเลือดวัดออกเป็นตัวเลขไม่ได้ ต้องควบคุมปริมาณที่กินเข้าไป โดยต้องทราบว่า ควรกินไขมันพวกนี้มากน้อยแค่ไหน

ไขมันอิ่มตัวนั้น ไม่ควรกินมากกว่า 10% ของอาหารในแต่ละวัน ในฉลากอาหารมักจะเขียนเปอร์เซ็นต์ของไขมันอิ่มตัวว่ามีกี่เปอร์เซ็นต์ให้เราทราบ ไขมันอิ่มตัวพบมากในเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เช่น ไส้กรอก, เบคอน, นม, เนย, นอกนั้นก็จะพบในมาการีน, กะทิ, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันปาล์ม ไขมันอิ่มตัวนี้จะไปแย่งที่ไขมันที่จำเป็นของร่างกายทำให้เราเจ็บป่วยได้

ไขมันไม่อิ่มตัว จะมีหลายชนิดที่สำคัญและเรารู้จักกันดี คือ ไขมันโอเมก้า 3 และ DHA ซึ่งทั้ง 2 นี้ พบมากในน้ำมันปลา(คนละชนิดกับน้ำมันตับปลา),น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว กรดไขมันโอเมก้า 3 นี้ จะสามารถเปลี่ยนเป็นไขมันรูปอื่นซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนที่ทำให้เราเกิดความสบาย ป้องกันการบวมน้ำ บรรเทาอาการอักเสบ ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตัน เสริมภูมิต้านทาน, ลดความดัน ปลาที่มีน้ำมันปลาสูงนั้นจะเป็น ปลาที่คาว, ส่วนที่มีน้ำมันปลามาก คือ ส่วนหัวปลา, พุงปลา, หนังปลา

การ ปรุงอาหารด้วยการทอดปลาจะเสียน้ำมันปลาไปกับน้ำมันที่ทอดได้ การนึ่ง ต้ม จะดีกว่าการย่างการกินปลาจะได้โคเลสเตอรอล ไปด้วย ฉะนั้นควรกินปลาอย่างน้อย 1 ขีด ต่อ 1-2 สัปดาห์

อาหารที่แนะนำ
นอก เหนือจากอาหารดังกล่าวมาแล้ว อาหารพวกเส้นใย ละลายง่าย เช่น ข้าวโอ๊ต, ถั่วเหลือง, โปรตีนเกษตร, เต้าหู้, ข้าวกล้อง,น้ำมันรำข้าวจมูกข้าว, มะนาว, ส้ม, แครอท พวกนี้จะช่วยลดไขมันเลวได้


ถ้าเราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงหรือลดอาหารที่มีโทษก็จะทำให้สุขภาพดี, ลดความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บลงได้


ที่มา
พญ. ญาณนุช เมตติกานนท์
http://www.horapa.com


จำหน่ายน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว โทร.086-9106910

HDL และ LDL คืออะไร

HDL ย่อมาจากคำว่า High Density Lipoprotein คือ ไขมันที่มีความหนาแน่นสูง เป็นไขมันที่ดีสำหรับหลอดเลือดแดงเพราะจะป้องกันไม่ให้ไขมันที่ไม่ดี คือ โคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์ และ LDL ไปพอกสะสมในหลอดเลือดแดง ถ้ามีระดับ HDL ในเลือดต่ำ ก็จะเพิ่มโอกาส เพิ่มปัจจัยเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง เช่น โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือหลอดเลือดหัวใจตีบ เป็นต้น ระดับปกติในผู้ที่ยังไม่เป็นโรคหลอดเลือดแดงแข็งควรจะไม่ต่ำกว่า 40 มก./ดล.

ส่วน LDL ย่อมาจากคำว่า Low Density Lipoprotein คือ ไขมันที่ความหนาแน่นต่ำ ถือเป็นไขมันเลว เป็นไขมันที่ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง

วิธีการวัดระดับ LDL ในเลือด ทำได้ 2 วิธี คือ วิธี
คำนวณค่า LDL จากค่าโคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์และ HDL ในเลือด โดยใช้สูตร
LDL= โคเลสเตอรอล-(ไตรกลีเซอไรด์/5) - HDL ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอยู่ทั่วไป

ส่วนอีกวิธีหนึ่งเป็นวิธีหาค่า LDLโดยตรงจากเลือด ทำได้บางโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เท่านั้น

ระดับLDLปกติในคนทั่วไปสูงไม่เกิน 130 มก./ดล. ถ้าระดับLDLในเลือดระหว่าง 130-159 ถือว่าสูงปานกลาง 160-189 ถือว่าสูง ระดับมากกว่า 190 ถือว่า สูงมาก

ผู้ที่มีระดับLDLสูง ส่วนใหญ่เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง ได้แก่

1. อาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก เช่น กะทิ น้ำมันปาล์ม หมู ๓ ชั้น หรือเนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก หนังสัตว์ เนย ไส้กรอก เป็นต้น

2. อาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หอยนางรม เป็นต้น

ผู้ที่มีระดับ โคเลสเตอรอล และ LDLสูงกว่าปกติ จะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งได้ ดังนั้นจึงควรลดการกินอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัว และโคเลสเตอรอลสูงดัง

กล่าวข้างต้น ให้เปลี่ยนมากินอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ข้าว น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ถั่ว ธัญพืช งา สาหร่าย เห็ด เต้าหู้ วุ้นเส้น และใช้น้ำมันพืช (งดใช้น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์ม)


จำหน่ายน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว โทร.086-9106910

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การสร้างความสำเร็จในสไตล์ เอมสตาร์



รูปแบบการสร้างธุรกิจเครือข่ายมีมากมาย ไม่ว่าคุณจะเคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนหรือไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนก็ตาม แต่สิ่งแน่นอนที่สุดที่ทุกคนต้องการในการสร้างธุรกิจเครือข่าย คือ การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและร่ำรวยแบบมั่นคงได้จริงๆ

หลายคนที่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาแล้วเข็ดขยาดหรือหวาดกลัว จนไม่กล้าที่จะลองทำธุรกิจเครือข่ายอีก เพราะบางคนทำแล้วไม่เพียงแต่ไม่ร่ำรวยแต่กลับยากจนลงด้วยซ้ำ บางคนทดลองทำมาหลายบริษัทก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

วันนี้… หากคุณต้องการความสำเร็จในธุรกิจเอมสตาร์ ซึ่งหลายๆคนมักบอกว่า ไม่ยากเลย “ขอเพียงแต่คุณเปลี่ยนความคิด ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยน” เพราะเมื่อความคิดเปลี่ยนไป การกระทำก็จะเปลี่ยนตาม ซึ่งสิ่งนี้มีความสำคัญกับ
การสร้างความสำเร็จในสไตล์เอมสตาร์

การสร้างความสำเร็จในสไตล์เอมสตาร์ ด้วยบทบาท 3L ที่คุณจะต้องทำและต้องทำให้ได้ เพื่อคุณจะสามารถคว้าชัยชนะที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณตลอดไปอย่างแน่นอน

1.L=Lead by Example การทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี ที่สำคัญมากๆในธุรกิจเอมสตาร์ คือ คุณจะต้องเป็นผู้ใช้สินค้าด้วยตัวคุณเอง การใช้สินค้าในธุรกิจเอมสตาร์ จะทำให้คุณเกิดพลังในการขยายธุรกิจเป็นอย่างธรรมชาติ ทุกๆวันที่คุณหยิบสินค้าทุกๆรายการขึ้นมาใช้กับตัวเอง คุณจะสัมผัสถึงความรู้สึกประทับใจและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสินค้าด้วยตัวคุณเอง และนี่คือความรู้สึกจากใจหรือความจริงใจ ที่จะทำให้คุณพร้อมที่จะแนะนำสินค้าคุณภาพเยี่ยม จากประสบการณ์ของคุณเองให้กับทุกคนที่คุณรู้จัก เพราะสินค้าเอมสตาร์ทุกชิ้นได้รับการคิดค้น พัฒนา และผลิตขึ้นภายในแนวคิดที่ว่า สินค้าคือพลังแห่งการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่แท้จริง พร้อมโอกาสทองทางธุรกิจเอมสตาร์ให้กับ มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้

ดังนั้น คุณมิใช่เพียงแค่เริ่มต้นจากการใช้สินค้าเพียงอย่างเดียว แต่คุณจะสำเร็จได้อย่างมั่นคง ก็ต่อเมื่อคุณเข้าใจกับคำว่า การใช้สินค้าด้วยจิตวิญญาณ เพราะทุกๆวันที่คุณได้ใช้สินค้า พลังแห่งการให้ขอบคุณจะเพิ่มทวีคูณขึ้นทุกๆวัน และคุณก็จะอยากที่จะส่งมอบสินค้าพร้อมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คนต่อๆไปอย่างไร้ขีดจำกัด ด้วยหัวใจของคุณที่เป็นผู้ให้ที่บริสุทธิ์นั่นเอง

นอกจากนี้ ในการสร้างธุรกิจเอมสตาร์ให้ประสบความสำเร็จ คุณยังจะต้องทำตัวเป็นอย่างที่ดีในธุรกิจเอมสตาร์ทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ บุคลิกภาพของคุณ เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และสง่างาม เป็นสังคมและองค์กรที่ดี เพราะผู้คนอาจจะไม่เชื่อหรือทำตามในสิ่งที่เราพูด แต่เขาจะเชื่อและทำตามในสิ่งที่เขาได้เห็น ได้สัมผัส มากกว่าเหมือนกับคำพูดที่กล่าวว่า “หากคุณเป็นแบบไหน องค์กรของคุณก็จะเป็นแบบนั้น” เช่น ถ้าคุณสำเร็จช้า องค์กรคุณก็สำเร็จช้า แต่ถ้าคุณสำเร็จเร็ว แสดงว่าคุณเป็นแบบอย่างของความสำเร็จที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกๆคนว่ามันเป็นไปได้ผู้คนในองค์กรของคุณก็จะสำเร็จเร็วด้วยเช่นกัน

ดังตัวอย่างที่มีอยู่มากมายในโลกธุรกิจเอมสตาร์ ซึ่งคุณสามารถศึกษาได้จากประวัติความสำเร็จของผู้นำแต่ละคน ไม่ว่าจะในนิตยสารวันเวิร์ลหรือนิตยสารอื่นๆหรือหนังสือพิมพ์ ที่บริษัทได้นำเสนอภาพความสำเร็จ ของผู้นำเอมสตาร์ให้เห็นเป็นแบบอย่างอยู่เสมอ

2.L=Learning การสร้างความสำเร็จในสไตล์เอมสตาร์นั้น คุณต้องมีหัวใจของความรักหนึ่งอย่าง นั่นคือ รักการเรียนรู้ "เอมสตาร์คือองค์กรแห่งการเรียนรู้" ดังนั้นคุณจะต้องเต็มไปด้วยพลังแห่งการอยากเติมเต็มความรู้ต่างๆที่จะทำให้คุณและองค์กรธุรกิจสามารถย่นย่อเวลาสู่ความประสบความสำเร็จ ความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมทุกๆการเรียนรู้ จากทุกๆประสบการณ์ในธุรกิจเอมสตาร์ เพราะการเรียนรู้ในโลกของธุรกิจเอมสตาร์ นอกจากจะทำให้คุณเก่งขึ้น พัฒนาตัวเองได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว ในธุรกิจเอมสตาร์ ทุกๆบรรยากาศของการเรียนรู้คือ การขยายธุรกิจขนาดใหญ่ขององค์กรธุรกิจขอบคุณให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถวัดได้ ตัวอย่างการเรียนรู้ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของคนสำเร็จในโลกธุรกิจเอมสตาร์ ก็คือ การเรียนรู้ในคอร์สเดอะวินเนอร์ จากจุดเริ่มต้นหลายคนที่ไปเรียนรู้เพียงคนเดียว แต่เมื่อเข้าเรียนรู้ในคอร์สถัดไปเขาก็จะพัฒนาพาผู้คนในองค์กรธุรกิจไปเรียนรู้พร้อมกันจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นหลายสิบคน และหลายร้อยคนตามลำดับ

ความสำเร็จของคุณและคนในองค์กรก็จะมากขึ้นตามลำดับ แต่มิได้หมายถึงคุณจะไปแต่คอร์สเดอะวินเนอร์เพียงอย่างเดียว แล้วความสำเร็จมันจะเกิดขึ้นเพราะองค์กรแห่งการเรียนรู้ในโลกธุรกิจเอมสตาร์ คุณจะต้องอยู่ และทำให้ครบทุกวงจรแห่งการเรียนรู้ เพื่อทำให้ผู้คนในองค์กรของคุณสามารถเรียนรู้ เข้าใจธุรกิจ พัฒนาตนเองและเป็นผู้นำแห่งองค์กรของตนเองในลำดับถัดไป ทุกคนจึงเรียนรู้ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของตนเองให้เพิ่มขึ้น มิใช่แค่เรียนรู้ให้ตนเองเข้าใจเนื้อหาเพียงอย่างเดียว

ดังนั้นหากคุณต้องการความสำเร็จที่แท้จริง คุณต้องเข้าใจคำว่า องค์กรแห่งการเรียนรู้ในสไตล์เอมสตาร์ อย่างชัดเจน และเดินตามแนวทางดังกล่าวที่มีผู้นำมากมายเป็นแบบอย่างของการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ จนเกิดผู้นำมากมายไร้ขีดจำกัด ทั้งนี้ องค์กรธุรกิจเอมสตาร์แต่ละกลุ่มผู้นำ ก็จะมีวงจรแห่งการเรียนรู้คอยให้การสนับสนุนการสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากการเรียนรู้ในครอ์สเดอะวินเนอร์(The Winner) ต่อไปที่ การเรียนรู้ในเซ็นเตอร์ และเพิ่มความรู้ ความเข้าใจในการเริ่มต้นธุรกิจ ในคอร์สที่เรียกว่า คอร์สการเริ่มต้นธุรกิจเอมสตาร์ ซึ่งบางกลุ่มอาจใช้ชื่อว่า Basic Training Course หรือ How to Start หรือ Start Up หรือ Quick Start ก็ได้ หลังจากนั้นก็จะเปิดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้คนด้วย การประชุมการเปิดโอกาสทางธุรกิจเอมสตาร์(VIP OPP)และเข้าสู่งานแคมป์ของกลุ่ม ขยายกลุ่มส่วนตัวด้วยเฮ้าส์มิตติ้ง(House Meeting) และยกทีมเข้าเรียนรู้ในคอร์สเดอะ วินเนอร์ กันต่อไป หากคุณได้เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนการกระทำ ให้เกิดขึ้นในองค์กรของตัวเอง เหมือนที่คนสำเร็จเขาทำกัน แน่นอนว่าองค์กรธุรกิจเอมสตาร์ของคุณก็จะเติบโตขึ้น จนบางครั้งคุณอาจจะตกใจเอามากๆ ยิ่งถ้าคุณเคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน แต่ครั้งนี้คุณเปลี่ยนตัวเองใหม่ ด้วยการสร้างธุรกิจในสไตล์เอมสตาร์ คุณก็จะพบว่า ความฝันในชีวิตของคุณ มันกำลังกลับมาหาคุณอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ คุณจะได้รับการตอบสนองความฝันที่เป็นจริงสักที อย่างแน่นอน

3.L=Leader คำว่า ผู้นำ เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญในการสร้างธุรกิจเอมสตาร์ ถ้าคุณทำข้อ 1 ข้อ 2 ได้อย่างดีแล้ว คุณก็จะมีคุณสมบัติข้อ 3 คือความเป็นผู้นำที่โดดเด่นขึ้นได้อย่างชัดเจน ทำไมคุณต้องเป็นผู้นำในธุรกิจเอมสตาร์ เพราะธุรกิจเอมสตาร์ไม่ใช่งานขายสินค้าหรืองานขายของ แต่เอมสตาร์คือธุรกิจที่ขยายเครือข่ายผู้บริโภค บนพื้นฐานของศักยภาพเครือข่าย และศักยภาพของผู้คน

ดังนั้นเมื่อคุณต้องการประสบความสำเร็จในสไตล์เอมสตาร์ คุณจึงต้องเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง ฝึกฝนให้ตัวเองสามารถทำงานในธุรกิจเอมสตาร์ได้อย่างครบวงจรและหนึ่งในความรับผิดชอบที่ผู้นำเอมสตาร์จะต้องมีคือ การพัฒนาเพื่อมีเซ็นเตอร์(Center)เป็นของตัวเองให้ได้ เพราะเซ็นเตอร์จะเป็นจุดศูนย์รวมของการดูแลองค์กรธุรกิจของคุณ เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ แนวคิด และวิธีการทำธุรกิจที่ถูกต้อง รวมทั้งพัฒนาผู้นำให้สามารถนำทีมของตนเองได้ในที่สุด ดังนั้นการที่คุณจะมีเซ็นเตอร์เป็นของกลุ่มตัวเองได้ คุณจะต้องพัฒนาขีดความสามารถของตนเองก่อน และมีเป้าหมายที่จะได้นำตัวเองเข้าไปอยู่ในรอบการสัมมนาพิเศษของบริษัทฯ ที่เรียกว่า Center Growing Efficiency เพื่อเรียนรู้แนวทางและประสบการณ์การทำเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคนที่จะเข้ารอบนี้ได้ จะต้องเป็นนักธุรกิจเอมสตาร์ระดับแพลตตินั่มสตาร์ และสูงขึ้นไป คุณจึงควรมีเป้าหมายเป็นระดับแพลตตินั่มสตาร์ให้เร็วที่สุด เพื่อได้รับโอกาสการเข้าสัมมนานี้ เช่นเดียวกับผู้นำที่ประสบความสำเร็จทุกๆคน

ความสำเร็จ มิอาจเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่ความสำเร็จสามารถเกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่คุณคิด หากวันนี้ คุณคือ คนหนึ่งที่ชัดเจนต่อการประเมินทุกสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตและมองเห็นว่าการกระทำในอดีตที่ผ่านมา จะสะท้อนผลลัพธ์ที่คุณเป็นอยู่ในป้จจุบัน

ดังนั้นการกระทำในปัจจุบันของคุณ ก็จะสะท้อนผลลัพธ์ในอนาคตที่เกิดขึ้นของคุณอย่างแน่นอน สิ่งที่สำคัญมาก ก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่ต้องเริ่มต้นจากความคิดบนแนวทางของการสร้างธุรกิจให้ประสบ ความสำเร็จที่ถูกต้อง การสร้างความสำเร็จในสไตล์เอมสตาร์ เป็นเสมือนเส้นทางลัดที่จะนำพาคุณและครอบครัวไปสู่เป้าหมายของชีวิตได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงที่สุด เหมือนแบบอย่างที่มีอยู่มากมายในโลกธุรกิจเอมสตาร์ การสร้างรายได้หลักแสน ภายในเวลา 2-3เดือน รายได้หลายแสน จนกระทั่งหลักล้านบาทต่อเดือน ภายในระยะเวลาเพียง1-2ปี

เป้าหมายและชัยชนะแห่งชวิต จะเป็นตำนานที่สร้างความภาคภูมิใจให้คุณและคนที่คุณรัก รวมทั้งคนในครอบครัวขอบคุณหรือไม่ ตัวคุณต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญกับคุณมากเพียงใด และมันคุ้มค่าหรือไม่ที่คุณจะท้าทายตัวเองต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นอีก หนึ่งตำนานความสำเร็จที่กล่าวขวัญถึงไปนานตราบนาน… กับ การสร้างความสำเร็จในสไตล์เอมสตาร์


“ขอเพียงแต่คุณเปลี่ยนความคิด ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยน
ร่วมงานกับเรา โทร. 086-9106910


ขอขอบคุณที่มาของเนื้อหา
1. นิตยสาร One World ฉบับที่35 ประจำเดือน พฤษภาคม-มิถุนายน หน้าที่ 16-18

2. http://www.phoenixaimstar.com

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องเล่าความสำเร็จ “มนุษย์ท่อ” แนวคิดธุรกิจเครือข่าย


ณ หมู่บ้านเล็กๆแสนไกลในหุบเขาที่งดงาม  มีชายหนุ่มสองคนเป็นเพื่อนรักกันอาศัยอยู่ ชื่อ ปาโปนและบูโน่  พวกเขายังหนุ่มแน่นและพูดถึงชีวิตที่ดีกว่าสำหรับพวกเขาเอง  พวกเขาจะพูดถึงความใฝ่ฝันของพวกเขาเสมอ ในการที่พวกเขาจะเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จที่สุดในหมู่บ้าน พวกเขาไม่กลัวงานหนักและมองหาโอกาสที่จะช่วยให้ความใฝ่ฝันของพวกเขาเป็นความจริง พวกเขาคุยกันทุกๆวันมองหาหนทางและมองหาโอกาสเพื่อให้ความฝันของพวกเขาเป็นความจริงขึ้นมาได้  วันหนึ่งโอกาสนั้นก็มาถึง  ผู้นำหมู่บ้านมีความคิดที่จะนำน้ำตกจากภูเขามาใช้งานในหมู่บ้าน  เขาตัดสินใจว่าจ้างคนสองคนให้นำน้ำจากน้ำตกบนภูเขานำลงมาใช้ในหมู่บ้าน  พวกเขาจะได้รับค่าจ้างตามปริมาณของน้ำที่นำลงมาสู่หมู่บ้าน  ปาโปนและบูโน่รับงานมาทำอย่างกระตือรือร้น ทุกๆวันตั้งแต่เช้าจนเย็นพวกเขาทั้งสองคนไปขนน้ำลงจากหุบเขามาสู่หมู่บ้าน  ไปกลับๆอยู่อย่างนั้น  พวกเขาทำงานหนักเพื่อนำน้ำมาสู่หมู่บ้านในทุกๆเย็น พวกเขากลับบ้านพร้อมกับค่าจ้างในวันนั้นๆ บูโน่พึงพอใจกับงานที่ทำและรายได้ที่เขาได้รับ เขามั่นใจและแน่ใจว่าความฝันของเขาจะเป็นจริงจากงานๆนี้  บูโน่คิดว่าเขาจะได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น  ถ้าเขาใช้ถังน้ำที่ใหญ่ขึ้นเพื่อขนน้ำให้มากขึ้นในแต่ละวัน  เขาเชื่อด้วยว่ารายได้ที่เขาได้มากขึ้นไม่นานเขาจะมีเงินมากพอ  สามารถซื้อวัวและซื้อบ้านตามที่เขาเคยใฝ่ฝันถึง แต่ ปาโปนไม่ได้พอใจด้วย เมื่อสิ้นสุดวัน  เขาปวดไปทั้งแขนและหลัง หมดเรี่ยวหมดแรง เขากำลังมองหาหนทางที่จะทำให้มันง่ายขึ้นในการทำเงินให้มากขึ้น  และวันหนึ่งปาโปนก็คิดขึ้นมาได้  เขาจินตนาการถึงท่อส่งน้ำ  เพื่อส่งน้ำจากน้ำตกบนภูเขาส่งไปยังหมู่บ้าน  ด้วยท่อส่งน้ำนี้  เขาสามารถนำน้ำมาสู่หมู่บ้านได้มากขึ้น โดยไม่ต้องแบกถังน้ำไปกลับๆจากน้ำตกสู่หมู่บ้านอยู่อย่างนั้น  เขาตื่นเต้นมากในงานนี้และเริ่มวางแผน  แน่นอนปาโปนแบ่งปันความคิดนี้สู่บูโน่เพื่อนของเขา และขอให้บูโน่ร่วมทำงานกับเขา เพื่อสร้างท่อส่งน้ำนั้น แต่บูโน่กลับคิดว่ามันเป็นความคิดที่บ้าๆ สิ่งเดียวที่บูโน่คิดถึงก็คือ เงินที่เขาจะหาได้ในวันนี้และวิธีที่จะได้มันมาอย่างรวดเร็ว  เขาคิดว่าการสร้างท่อส่งน้ำจะทำให้เขาเสียเวลาและทำให้เขาบรรลุเป้าหมายช้าลงไปอีก  ด้วยสาเหตุนี้ บูโน่จึงใช้ถังน้ำที่ใหญ่ขึ้น  ขนน้ำไปกลับๆถี่ขึ้น เขาแน่ใจว่าด้วยวิธีนี้ เขาจะทำเงินได้มากขึ้น ส่วนปาโปนตัดสินใจสร้างท่อส่งน้ำด้วยตัวของเขาเอง เขาเข้าใจดีว่ามันไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลาเพื่อสร้างท่อส่งน้ำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์  ปาโปนรู้ว่ามันจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสิ้นเสร็จลง  แต่เขาตั้งใจในเป้าหมายของเขา  ทุกๆวันเขาจะไปทำงานขนน้ำเหมือนเมื่อก่อน  แต่ในทุกๆวันหยุดหรือเมื่อมีเวลาว่างหรือมีโอกาส  เขาจะทำงานหนักเพื่อขุดหินขุดดิน เพื่อสร้างท่อน้ำตามความคิดของเขา  ในเดือนแรกแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย  บูโน่และชาวบ้านต่างหัวเราะเยาะและล้อเลียนเขา  โดยตั้งสมญานามปาโปนว่า “มนุษย์ท่อ”   ในระหว่างนี้เอง รายได้ของบูโน่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า  เขาได้ซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้นและวัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามที่หวังไว้  วิถีชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไป  ตอนนี้เขาใช้เวลาหลังเลิกงานในร้านขายเหล้าและใช้เงินจากการหาบน้ำที่เขาได้มา  สิ่งที่บูโน่ไม่ได้ตระหนักก็คือ ร่างกายของเขา  เริ่มงุ้มงอกจากการต้องขนน้ำอย่างหนักทุกๆวัน  ใบหน้ายับย่นและร่างกายเริ่มอ่อนล้าลง  ไม่ช้าเขาเริ่มขนน้ำได้น้อยลงและน้อยลง  เนื่องจากร่างกายของเขาได้อ่อนล้าและโรยแรง  ส่วนปาโปนก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานสร้างท่อส่งน้ำต่อไป  ไม่นานปีแรกก็เข้าสู่ปีที่สอง  ท้ายที่สุด ปาโปน ได้สร้างท่อส่งน้ำได้สำเร็จเสร็จลง และเขาไม่ต้องแบกถังน้ำเพื่อไปกลับสู่หมู่บ้านอีกแล้วตอนนี้

ปาโปน ได้เงินมามากขึ้นกว่าครั้งไหนๆ น้ำก็ไหลลงสู่หมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง  แม้กระทั่งขณะที่เขากิน ดื่ม นอนหลับ เขาก็ยังได้เงินแม้กระทั่งในวันพักผ่อน น้ำก็ยังไหลอยู่ต่อเนื่อง ปาโปน มีความสุขเละภาคภูมิใจในความคิดที่เขายืนหยัด  ตอนนี้รายได้ของเขาหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย  ตราบที่ยังมีน้ำไหลผ่านท่อของเขาเข้ามา
เรื่องราวของบูโน่และปาโปน  สามารถเทียบเคียงกับชีวิตพวกเราได้ว่า งานที่พวกเขาทำเปรียบเหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่ทำในชีวิตเพื่อให้ได้เงินมา บูโน่ได้เงินมาจากการแบกถังน้ำ เขาไปกลับแบกถังน้ำเพื่อนำน้ำจากน้ำตกสู่หมู่บ้านเพื่อแลกกลับเงินที่ได้มา  เพื่อเพิ่มรายได้เขาต้องเพิ่มจำนวนเที่ยวของการไปกลับๆเพื่อให้ได้  หรือไม่ก็ต้องใช้ถังน้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้ได้น้ำมากขึ้น  มันเป็นเรื่องปกติของชีวิตเรา  เพื่อเพิ่มรายได้เราต้องทำงานให้หนักขึ้น  ทำงานเพิ่มขึ้น  เช่น  ทำงานล่วงเวลาหรือแม้กระทั่งทำงานสองงานในขณะเดียวกัน เราเองก็เหมือนกันที่ต้องเพิ่มขนาดถังน้ำของเรา โดยการรับตำแหน่งที่สูงขึ้น รับรายได้ที่มากขึ้น บ่อยครั้งต้องใช้เวลามากขึ้นในที่ทำงาน  เราส่วนใหญ่ใช้เวลาแลกกับเงิน เช่นเดียวกับบูโน่ เราต่างก็รู้ว่าเราทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมง ในแต่ละวันเหมือนๆกัน แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เวลา 24 ชั่วโมงนั้น  เพื่อทำงานแต่เพียงอย่างเดียว ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดจะผ่านเข้ามา เมื่อเราไม่สามารถใช้เวลาแลกกับเงินได้อีกต่อไป สืบเนื่องจากเรื่องอายุที่มากขึ้น สุขภาพหรือเหตุผลอื่น เมื่อนั้นรายได้ของเราจะหยุดลง  ทีนี้เราจะมาทบทวนในสิ่งที่ปาโปนทำอย่างชาญฉลาด  ปาโปนไม่ได้ใช้เวลาทั้งหมดที่เขามีอยู่มาแลกกับเงินจำนวนจำกัด แต่เขาใช้เวลาบางส่วนสร้างท่อส่งน้ำของเขาขึ้นมา  รายได้ที่มีมาอย่างต่อเนื่องนี้ไม่ได้ขึ้นกับเวลาโดยตรงที่เขาต้องทำงานในแต่ละวัน  ปาโปนรู้ว่าสักวันหนึ่ง  อาจเป็นเรื่องสาเหตุของอายุและสุขภาพ  เขาอาจไม่สามารถที่จะใช้เวลาที่มีอยู่แลกกับเงินที่จะได้อีกต่อไปแล้ว  ปาโปนรู้ว่าถ้าเขาสามารถสร้างแนวความคิดเรื่องท่อส่งน้ำของเขาให้บังเกิดผลขึ้นมาได้  เขาก็เพียงแต่ต้องทำงานหนักเพียงครั้งเดียว  หลังจากการสร้างท่อส่งน้ำสำเร็จเสร็จไปแล้ว  ปาโปนสามารถเฝ้ามองดูการไหลของน้ำและทำให้มันไหลอย่างต่อเนื่อง  เพื่อให้แน่ใจว่ารายได้ของเขายังเข้ามาเรื่อยๆ  ปาโปนได้แสดงให้เราเห็นว่าเมื่อมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง  เราไม่จำเป็นต้องเอาเวลามาแลกกับเงินเสมอไป  มันมีหนทางที่ดีกว่าจริงๆ  แล้วคุณล่ะ คุณยังทำเช่นเดียวกับบูโน่ที่ต้องใช้เวลาแลกกับเงินอยู่หรือเปล่า? หรือคุณต้องการทำเช่นเดียวกับปาโปนผู้สร้างและคงไว้ซึ่งท่อน้ำเพื่อนำ รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย  จากนิทานเรื่องนี้ก็เปรียบกับชีวิตจริงของเราได้ว่า ถ้างานแบบทั่วไป ถ้าเราอยากจะได้เงินเพิ่มขึ้นเราก็ต้องทำงานหนักขึ้น ทำโอทีเพิ่ม ยอมเหนื่อยมากกว่าเดิมเพื่อที่จะได้เงินเพิ่ม ทำให้ร่างกายเราทรุดโทรม แต่พอเมื่อใดที่เราทำไม่ไหว รายได้เหล่านั้นมันก็จะหายตามไปด้วย แต่จะมีงานอะไรไหม...ที่ทำจนสำเร็จ แล้วหยุดก็ยังมีรายได้ที่ต่อเนื่องเหมือนงานที่ปาโปน ต่อท่อน้ำไว้ใช้.... นั่นก็คือธุรกิจเครือข่ายไงที่เราจะสามารถสร้างระบบเหมือนสร้างท่อส่งน้ำไว้ใช้ไม่มีผิด....


สนใจธุรกิจเครือข่ายที่จะสร้างรายได้ให้ท่านอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ ..โทร 086-9106910

เรียนรู้ก่อนเป็นเจ้าของธุรกิจ – สร้างเครือข่ายผู้บริโภค


เจ้าของธุรกิจ = พลังเครือข่ายผู้บริโภค

การตลาด (Marketing) หมายถึง การเคลื่อนสินค้าหรือบริการ จากผู้ผลิตไปถึงผู้บริโภค Multi-Level อ้างถึง ระบบในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับบุคคลผู้ซึ่งทำให้สินค้าหรือบริการนั้นเคลื่อนตัว Multi หมายถึง มากกว่าหนึ่ง Level หมายถึง ระดับหรือรุ่น คำว่า MLM นั้นแพร่หลายมากเสียจนพวกพีระมิดที่ผิดกฎหมาย และพวกลูกโซ่ต่างๆ ได้พยายามทำตัวเองให้เหมือนกับธุรกิจเครือข่าย ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างภาพลบอย่างร้ายกาจและไร้เหตุผลให้กับ บริษัทธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ จนกระทั่งเขาเปลี่ยนชื่อใหม่ให้กับแผนการตลาดของเขา เป็น Uni-Level Marketing, Network Marketing หรือ Co-op Mass Marketing และอื่นๆ
มีสามวิธีหลักๆ ในการเคลื่อนสินค้าและบริการ คือ

1. การขายปลีก (Retailing) ทุกคนคงคุ้นเคยกับระบบนี้ดีอยู่แล้ว คุณเดินเข้าไปในร้านของชำ ร้านโชห่วย ร้านขายยา หรือห้างสรรพสินค้า แล้วซื้อสินค้าบางอย่างออกมา ทั้งร้านสะดวกซื้อ อย่างเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11) ห้างร้านดิสเคาน์สโตร์ทั้งหลาย เช่น บิ๊ก-ซี (Big-C) เทสโก้ โลตัส (Tesco Lotus) คาร์ฟูร์ (Carrefour) เป็นต้น

2. การขายตรง (Direct Sales) คือการเคลื่อนสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ผ่านทางเทคนิคของการขาย เช่น การไปบ้านลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้า การโทรศัพท์ไปขายของให้กับลูกค้า การขายตรงบางครั้งถือว่าเป็นการขายที่ไม่มีพ่อค้าคนกลาง (เช่น ร้านขายปลีก หรือบริษัทตัวแทนจำหน่าย) ยกตัวอย่าง (แต่ไม่เสมอไป) เช่นการขายประกันชีวิต เครื่องครัว สารานุกรม สาวขายมิสทีน เอว่อน เป็นต้น

3. การตลาดหลายชั้น (Multi-Level Marketing) หรือบางทีเรียกว่า การตลาดเครือข่าย (Network Marketing) คือ สิ่งที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ คุณไม่ควรสับสนระหว่างสองอย่างข้างบน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการขายตรง คนส่วนใหญ่มักสับสนระหว่างการตลาดเครือข่ายกับการขายตรง

ยังมีการตลาดอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า การสั่งทางไปรษณีย์ การทำการตลาดแบบไปรษณีย์สามารถถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ การขายตรง (Direct sales) ได้ บางคนก็ถือว่าการตลาดทางไปรษณีย์เป็นการตลาดแบบที่ 4

แบบที่ 5 ซึ่งมักถูกเข้าใจสับสนกับ การตลาด เครือข่าย (MLM) ก็คือ แบบพีระมิด คุณอาจะรู้แล้วว่าพีระมิดนั้นผิดกฎหมาย เหตุผลสำคัญที่พีระมิดผิดกฎหมายเพราะว่ามันไม่สามารถเคลื่อนสินค้า หรือบริการไปสู่ผู้บริโภคได้ ถ้าสินค้าไม่เคลื่อนไหว เราจะเรียกมันว่า “การตลาด” ได้อย่างไร? พีระมิดสามารถใช้คำว่า “เครือข่าย” ได้ แต่ไม่สามารถใช้คำว่า “การตลาด” ได้ (คลิ๊กอ่านต่อ กลโกงพีรามิด/ สมาคมการขายตรงไทย)

ความแตกต่างระหว่าง การขายตรงและ การตลาดเครือข่าย

คำว่า “ขาย” เป็นความคิดทางลบในจิตใจคนถึง 95% ในธุรกิจเครือข่ายคุณไม่จำเป็นต้อง “ขาย” ตามความเข้าใจของโลก แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าต้องเคลื่อนไหว มิฉะนั้นจะไม่มีใครได้รับเงิน ดอน เฟียล่า ได้นิยามคำว่า ขาย ไว้ว่า “การโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้า เพื่อขายของบางอย่าง ที่เขาอาจไม่จำเป็นต้องใช้ หรือ ไม่ต้องการ”

การขายตรง (Direct Sales) คือจะเน้น ไปที่การขายสินค้า ทำยอด และกำไรจากการขายปลีก ผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ ส่วนใหญ่จะต้องเป็นนักขาย ที่มีความสามารถ ผ่านเทคนิคการขายอย่างช่ำชอง อย่างที่บอกมาตอนต้น

การตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ทิศทางจะตรงกันข้ามกับธุรกิจขายตรง โดยการกระจายสินค้าคนละเล็กละน้อย ผ่านเครือข่ายผู้บริโภค (people asset) โดยไม่เน้นให้แต่ละคนต้องทำยอดขายได้เยอะๆ

ธุรกิจเครือข่าย คือ “หุ้นส่วน” ระหว่างนักธุรกิจอิสระและบริษัทเครือข่าย

“ธุรกิจเครือข่าย” ก็เป็นธุรกิจระบบหนึง ที่ใช้กลยุทธ์ทางการตลาด แตกต่างจากธุรกิจขายปลีก-ขายส่งทั่วไป โดยใช้การกระจายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง โดยที่ลดรายจ่ายเรื่องของค่าขนส่ง ค่าโฆษณา พ่อค้าคนกลาง…

ซึ่งรายจ่ายในส่วนนั้น ก็นำมาปันผลให้กับ “นักธุรกิจอิสระ”

ธุรกิจเครือข่ายนั้นอยู่รอบๆ ตัวเรามามากกว่า 40 ปีแล้ว ในประเทศที่เจริญแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ก็มีบริษัทที่เปิดดำเนินการในลักษณะของธุรกิจเครือข่ายมากที่สุดในเอเชีย และในสหรัฐอเมริกา ก็ครองแชมป์ ที่มีบริษัทที่ดำเนินการในธุรกิจดังกล่าว มากที่สุดในโลก บริษัทชั้นนำทั่วโลก กำลังหันมานิยมใช้การตลาดระบบเครือข่ายมากขึ้น เพราะการตลาดระบบนี้สามารถกระจายสินค้าเข้าสู่ผู้บริโภค ได้มากและเร็วที่สุด

ธุรกิจเครือข่ายทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มการเติบโตสูง แม้ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา ธุรกิจเครือข่ายทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ยังคงมีอัตราเติบโต โดยเฉพาะอเมริกาเติบโตถึง 30-40 เปอร์เซนต์ จากปี 2551 ที่ผ่านมา ธุรกิจขายตรงมีมูลค่าถึง 4 ล้านล้านบาท โดยมี นักธุรกิจ อิสระ จำนวน 62 ล้านคนทั่วโลก เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ ธุรกิจเครือข่าย ในไทยมีมูลค่าตลาดรวม 4.7 หมื่นล้านบาท และนักธุรกิจอิสระ หรือ ผู้ซื้อกึ่งผู้ขาย ใช้สินค้าถึง 9 ล้านคน คิดเป็น 15 เปอร์เซนต์ ของจำนวนประชากรทั้งหมด โดยสาเหตุของการขยายตัวมาจากการยอมรับในธุรกิจเครือข่ายมากขึ้น ไม่ได้มองว่าเป็นอาชีพเสริมอีกต่อไป แต่จะมองว่าเป็นอาชีพหลักมากขึ้น (ที่มา: สถิติการเติบโต ของขายตรง /สมาคมการขายตรงไทย)

ด้วยลักษณะของความเป็น “หุ้นส่วน” ระหว่าง นัก ธุรกิจอิสระ และ บริษัทเครือข่าย เป็นไปในลักษณะพึ่งพาอาศัยกัน เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน (Win-Win Business) บริษัทไม่มีความจำเป็นต้องสูญเสียงบประมาณไปกับการโฆษณา จ้างพรีเซนเตอร์ อย่างอั้ม พัชราภา หรือแพนเค้ก ซึ่งดาราดังเหล่านั้นไม่ได้ใช้สินค้าด้วยตัวเอง เพราะนักธุรกิจอิสระเหล่า นี้ จะทำหน้าที่โฆษณาให้ในลักษณะ “การตลาด แบบปากต่อปาก“

แล้วเงินที่บริษัทประหยัดไปหลายล้านบาทนั้นหายไปไหน?

แน่นอนที่สุด บริษัทใช้เงินเหล่านั้น ในการจ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่นให้กับ ”นักธุรกิจอิสระ” ตามแผนธุรกิจของแต่ละบริษัท

ต้องการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคกับเรา ติดต่อ 086-9106910

แนวคิด ธุรกิจเครือข่าย – เม้งกับอ๊อดยอดนักตกปลา


เม้งกับอ๊อดเป็นยอดนักตกปลาที่เก่งมากใน สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง วันหนึ่งนักท่องเที่ยวอยากตกปลาเป็นบ้าง

เขาถามเม้งว่า “เขาอยากตกปลาเป็นบ้าง ช่วยสอนหน่อยซิ” เม้งปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะแย่งปลา เขาเลยไม่สอน

เขาเดินไปถามอ๊อดบ้าง อ๊อดตอบว่า “ได้ซิ แต่ว่า ถ้าคุณตกปลาได้ 10 ตัว ต้องแบ่งปลาให้ 1 ตัว นะ” อ๊อดบอก นักท่องเที่ยวตอบว่า “ได้ ซิ ไม่ซีเรียส” เพราะจากที่เคยลองตกปลาอยู่ก็ไม่ได้

อ๊อดสอนนักท่องเที่ยวคนนั้น มันมีเคล็ดลับง่ายๆ อยู่นิดเดียวเอง นักท่องเที่ยวจากที่ไม่เคยตกปลาได้เลยก็สามารถตกปลาได้ พอตกปลาได้มากขึ้นก็มีคนสนใจมารุมดูกันเยอะมากขึ้น และอยากเข้ามาเรียนกับอ๊อดมากขึ้น อ๊อดก็มีลูก ศิษย์ลูกหามากมายสนใจเข้ามาเรียนตกปลา และทุกๆ ครั้งที่มีคนตกปลาได้ 10 ตัว เขาก็จะได้ปลา 1 ตัว ทั้งที่เขาไม่ได้ตกปลาเยอะแยะมากมายอะไร สิ่งที่อ๊อดให้คือ “การสอนตกปลาให้เป็น” ยิ่งลูกศิษย์เป็นมาก เท่าไร เขาก็จะมีปลาที่เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น

สิ่งที่แตกต่างระหว่างเม้ง กับอ๊อด ก็คือ เม้งยังคงตกปลาได้เท่าเดิม และยังคงยุ่งอยู่กับการตกปลาเหมือนเดิม ในขณะที่อ๊อดได้สร้างมูลค่าเพิ่ม เขาได้ปลาเพิ่มขึ้น จากการที่เขาสอนคนให้ตกปลาเป็น หากเขามีลูกศิษย์ 100 คน ตกปลาได้ 100 ตัว แล้วลูก ศิษย์ให้ปลาที่ตกได้เป็นรางวัล 10 ตัวด้วยความเต็มใจ สร้าง “รายได้ แบบทวีคูณ” ให้เขา ที่สำคัญ อ๊อดมีความสุขมากจากการที่เขาเป็น “ผู้ให้” เขาได้ ช่วยเหลือผู้คนมากมายที่ต้องการตกปลาเป็นแบบเขา และลูก ศิษย์ของเขาก็มีอยู่อย่างมากมาย

อยากร่วมงานกับเรา ติดต่อ อังกูร 086-9106910
สร้างเครือข่ายผู้บริโภค

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว



รำข้าวและจมูกข้าว  ที่ถูกขัดสีทิ้ง เป็นส่วนที่มีสารอาหารต่างๆ มากมาย หากรับประทานสม่ำเสมอ จะให้ประโยชน์กับร่างกาย ดังนี้




1. ลดคอเลสเตอรอลและไตรกรีเซอร์ไรด์

สารแกมม่า-ออไรซานอล ทำหน้าที่เพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) ให้แก่ร่าง กาย ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปช่วยขจัดคอเลสเตอรอล(LDL) รวม ทั้งไตรกรีเซอร์ไรด์(Triglycerides) จากหลอดเลือด และส่วนต่างๆของร่างกาย นอกจากนั้น น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ยังประกอบด้วยวิตามินอี กลุ่มโทโคโตรอินอล ไฟโตสเตอรอล และกรดไขมันโอเมก้า 3-6-9 ซึ่งมีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอล และ ไตรกรีเซอร์ไรด์ ได้ด้วย


2. ป้องกันโรคหัวใจและโรคที่เกิด จากหลอดเลือดตีบตัน

โรคหัวใจ โรคสมองเสื่อม โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคชาตามประสาทส่วนปลาย รวมทั้งโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ล้วนมีสาเหตุมาจากการที่หลอดเลือดอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่ทั่วถึง จึงเป็นเหตุให้เกิดโรคดังกล่าว สารอาหารต่างๆ ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ช่วยขจัดไขมันในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดสะอาด ปลอดโปร่งอยู่เสมอ เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ทั่วร่างกาย โรคร้ายดังกล่าวข้างต้นก็ไม่เกิดขึ้น

3. บำรุงสมอง บำรุงระบบประสาท

กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง บำรุงเซลล์ในระบบประสาท ทำให้สมองดีอยู่เสมอ เด็กที่รับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว จึงมีความจำดี ส่วนผู้สูงวัย หากได้รับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว อยู่เสมอ ก็จะปลอดภัยจากโรคสมองเสื่อม ขณะที่โอเม ก้า 6 และวิตามินบีคอมเพล็กซ์ เป็นส่วนประกอบของเซลล์ผิวหนัง และ เซลล์ในอวัยวะสืบพันธุ์ ช่วยให้ผิวหนังและระบบสืบพันธุ์ดีขึ้น

4. ป้องกันโรคมะเร็ง

โรคร้ายที่คร่า ชีวิตผู้คนทั่วโลกอย่างไม่มีที่มาที่ไปในศตวรรษที่ผ่านมาและศตวรรษนี้ คือโรคมะเร็ง แต่น่ายินดีที่ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ พบว่า หากได้รับสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เข้มข้นถึง 5% ของกระแสเลือดในร่างกาย จะช่วยให้รอดพ้นจากการเป็นโรคมะเร็ง แม้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งแล้ว ก็ช่วยได้ถึง 62% เนื่องจากในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีสารอาหารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ว่ากัน ว่า สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีมากกว่าในพืชทุกชนิดเท่าที่มีการค้นพบในเวลานี้

5. บำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส และ ชะลอความแก่

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีวิตามินอีจำนวนมาก รวมทั้งวิตามินบีคอมเพล็กซ์ โอเมก้า 6 และเซลาไมซ์ (Ceramide) ซึ่งเป็น ที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่า สารอาหารดังกล่าว มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง เปล่งปลั่ง ผ่องใสมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ ทำให้แก่ช้า หรือ ชะลอความแก่ ที่มีรอยเหี่ยวย่นเกิดขึ้นแล้ว ก็ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นหายไป


6. ควบคุมความสมดุลของระดับ ฮอร์โมนในร่างกาย

ร่างกายคนเราจะผลิตฮอร์โมนชนิดต่างๆ ออกมาเสมอ เพื่อให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างปกติ หากร่างกายขาดฮอร์โมนชนิดใด ชนิดหนึ่ง ก็จะเกิดโรคร้ายขึ้น เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมนอินซูลิน ก็จะเป็นผลให้เกิดโรคเบาหวาน หรือ ความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์เอสโตรเจนในสตรี ก็จะเกิดอาการวัยทองและระบบประจำเดือน เป็นต้น จาก การศึกษาวิจัย พบว่า สารอาหารหลายชนิดในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ช่วยให้ร่างกายสามารถผลิตฮอร์โมนได้อย่างสม่ำเสมอและเกิดความสมดุล จึงทำให้ร่างกายแข็งแรงตลอดไป


7. ป้องกันโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิง

อาการหย่อน สมรรถภาพทางเพศ เกิดขึ้นได้กับทั้งชายและหญิง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม เพราะหากคู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข หรือขาดความสมดุลทางเพศ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย เช่น การหย่าร้าง การคบชู้สู่ชายหรือหญิง การประพฤติผิดต่อคู่ครอง การเที่ยวเตร่นอกบ้าน เป็นต้น สำหรับชายหญิงที่ ได้รับสารอาหารต่างๆ ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ อีกทั้งสารเมลาโทนิน(Melatonin) ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายด้วย ก็จะทำให้รอดพ้นจากโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ตลอดไป


8. บำรุงดวงตา สายตา ให้แจ่มใส ใช้งานได้ดีอยู่เสมอ

ดวงตาเป็นอวัยวะ ที่สำคัญ หากขาดการบำรุง ก็จะทำให้ดวงตาเกิดโรคต่างๆได้ เช่น น้ำเลี้ยงตาแห้ง ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ดวงตา หรือ เป็นต้อชนิดต่างๆเป็นต้น สารอาหารที่อยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เช่น วิตามินเอ วิตามินบีคอมเพล็กซ์ เบต้าแคโรทีน ล้วนมีส่วนช่วยให้ดวงตาแจ่มใสและใช้งานได้ดีอยู่เสมอ


9. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีสารอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งโปรตีน(จากพืช) ไขมันชนิดดีที่ร่างกายต้องการ(HDL) วิตามิน ต่างๆ ทั้งวิตามินเอ บีรวม อี ดี เค แร่ธาตุสำคัญๆ ที่ร่างกายต้องการ ก็มีอยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เช่น แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส โปตัสเซี่ยม เซเลเนี่ยม โครเมี่ยม สังกะสี แมงกานีส นอกจากนั้น ยังมีเลซิติน ไลโซเล ซิติน เซฟฟาลีน เบต้าแค โรทีน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง ล้วนทำให้สุขภาพแข็งแรง จึงทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี ไม่เจ็บไม่ป่วย แม้ผู้ที่มีอาการป่วยแล้ว หากได้รับสารอาหารดังกล่าวอย่างเพียงพอและสมดุล ก็จะหายป่วยได้ ล่าสุด นายแพทย์บาร์รี่แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยผู้ป่วยเอดส์ โดยให้ทานเซเลเนี่ยมเป็นประจำ ปรากฎว่า ได้ผลดี ทำให้ภูมิคุ้มกัน (CD4)เพิ่มมากขึ้น ขณะที่เชื้อ HIV ลดลง ดังนั้น ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายปกติ ควรรับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงตลอดไป ส่วนผู้ที่ป่วยแล้ว ก็ควรรับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร ซึ่งจะทำให้หายป่วยอย่างรวดเร็ว


10. หลับสนิท จิตใจเบิกบาน

ยอมรับกันแล้ว ว่า การพักผ่อนด้วยการนอนหลับ คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด สารอาหารเมลาโทนิน ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว จะทำให้นอนหลับสนิท หลับลึก ทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เมื่อตื่นก็สดชื่นเบิกบาน จิตใจก็แจ่มใส ไม่เครียด ทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุข

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว  ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุข (อย.)
ทะเบียนเลขที่ 11-1-10249-1-0001 
สั่งซื้อ ติดต่อ อังกูร 086-9106910

วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว แหล่งรวมสารอาหารที่สำคัญที่สุดต่อสุขภาพ


ข้าว ธัญพืชที่เลี้ยงคนไทยและคนทั่วโลกมานับพันปี เป็นแหล่งรวมสารอาหารที่สำคัญที่สุด ในอดีตผู้คนรับประทานข้าวโดยการกระเทาะเปลือกนอกออกเท่านั้น ไม่มีการขัดสี จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ครบถ้วนบริบูรณ์อยู่เสมอ โรคต่างๆจึงไม่ปรากฎ แต่ต่อมาวิวัฒนาการการสีข้าวเพิ่มขึ้น มีการขัดสีเอาส่วนที่ดีของข้าวออกไป ทำให้ได้ข้าวสีขาวซึ่งเป็นแค่กากข้าว เมื่อรับประทานเข้าไป ก็ทำให้รู้สึกอิ่มเท่านั้น แต่หาคุณค่าทางสารอาหารไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้คนทั่วโลก จึงพากันขาดสารอาหารอย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงวันหนึ่งโรคต่างๆ จึงเกิดขึ้น ทั้งโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคตับ โรคใต โรคเก๊าท์ โรคความดันโลหิต โรคสมองเสื่อม โรคอัมพฤกษ์ เป็นต้น จากการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ ทั่วโลก ให้การยอมรับแล้วว่า ข้าวหากไม่ขัดสี จะมีสารอาหารต่างๆมากมาย ล่าสุด มีการสกัดสารอาหารจากน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ก็ได้พบสารอาหานานาชนิด ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค สารอาหารดังกล่าว ได้แก่

 

1. แกมม่า-ออไรซานอล(Gamma-Oryzanol) จากการศึกษาวิจัย พบว่า สารชนิดนี้ที่มีอยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว  โดยทำหน้าที่เพิ่มระดับไขมันชนิดดี(HDL)ให้แก่ร่างกาย ซึ่งไขมันชนิดนี้จะไปขจัดไขมันชนิดเลว(LDL) รวมทั้งไตรกรีเซอร์ไรด์ ออกจากหลอดเลือดและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ โรคความดัน โรคสมองเสื่อม โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น นอกจากนั้น แกมม่า-ออไรซานอล ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยป้องกันรังสีUV ด้วย
2. แหล่งรวมวิตามินนานาชนิดล้วนเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย กล่าวกันว่า น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เป็นแหล่งรวมของวิตามินมากที่สุด เช่น วิตามินเอ บี อี ดี เค ล้วนมีอยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอด้วยการรับประทานวิตามินชนิดต่างๆ หากรับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเพียงอย่างเดียว ก็จะได้รับวิตามินครบทุกชนิด (ยกเว้นวิตามินซี)
3. สเตอรอลจากพืช(Phytosterol)จากการศึกษาวิจัย พบว่า สารชนิดนี้ที่มีอยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ช่วยขจัดคอเลสเตอรอลโดยรวมออกจากร่างกาย โดยการยับยั้งการดูดซึมของคอเลสเตอรอลจากทางเดินอาหาร และเพิ่มการขับทิ้งไปกับอุจจาระ สารชนิดนี้จึงมีประโยชน์มาก สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน
4. เซราไมร์ จากการศึกษาวิจัย พบว่า สารชนิดนี้ที่มีอยู่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว  สารชนิดนี้เป็นส่วนประกอบของเซล์ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล เรียบเนียน เต่งตึง ยึดหยุ่นดี ไม่เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น ทั้งยังป้องกันรังสีUV จากแสงแดดได้อีกด้วย
5. มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าพืชทุกชนิด เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีสารอาหารที่เป็นตัวต้านอนุมูลมากที่สุด หากจะเปรียบเทียบกับพืชชนิดต่างๆ เช่น ขมิ้นชันหรือสมุนไพรอื่นๆ ก็จะมีสารต้านอนุมูลอิสระเพียง 1–2ตัวเท่านั้น แต่ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว พบสารต้านอนุมูลอิสระมากถึง 7 ตัว ซึ่งมากที่สุดในโลกเท่าที่มี ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วยการทำหน้าที่ขับพิษออกจากร่างกาย ต้านเชื้อโรคต่างๆ รวมทั้งต้านการเป็นมะเร็งด้วย
 
6. กรดอมิโน(Amino Acids) น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว อุดมด้วยกรดอมิโนหลายชนิด เช่น อาร์จีนีน ทริปโตแฟน ซิสเตอีน เป็นต้น ล้วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

7. เลซิติน(Lecithin) ผลการวิจัยให้การยอมรับแล้วว่า สารเลซิติน มีความสำคัญต่อร่างกายมาก ทั้งช่วยสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทและสมอง ลดคอเลสเตอรอล บำรุงสมองเสริมสร้างความจำ และลดความเครียด เป็นต้น ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว พบเลซิตินจำนวนมาก
8. โอเมก้า3-6-9 นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่พบว่า น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีกรดไขมันที่ดีที่สุดอีกชนิดหนึ่งนั่นคือ โอเมก้า3–6–9 อยู่ด้วยกันในอัตรา 1–2–1 ซึ่งผลการศึกษาวิจัยขององค์การอนามัยโลก ให้การยอมรับว่า หากคนเราได้กรดไขมันโอเมก้า 3–6–9 ในอัตรา1–2–1 เป็นประจำ จะทำให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ว่ากันว่า ยังไม่พบพืชชนิดใดที่มีความอัศจรรย์เช่นนี้
9. แคโรทีนอยด์สารอาหารชนิดนี้ เป็นอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญมากต่อสุขภาพ โดยเฉพาะดวงตา เส้นผม เล็บ ต้องการสารอาหารชนิดนี้มาก ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา สายตา เส้นผม หรือ เล็บ ควรรับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวเสมอ ก็จะได้รับสารอาหารชนิดนี้อย่างเพียงพอ
 
10. แร่ธาตุนานาชนิดล้วนมีความสำคัญต่อร่างกายคนเรา หากขาดแร่ธาตุสำคัญๆ เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายวัน หรือ นานนับเดือน ร่างกายจะแสดงอาการให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น ถ้าขาดสารเซเลเนี่ยม ก็จะมีอาการผมร่วงศีรษะล้าน หรือ ถ้าขาดแคลเซี่ยม ก็จะมีอาการกระดูกพรุน ปวดเข่า ปวดข้อ เป็นต้น ในน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว มีสารแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นสำหรับร่างกายครบถ้วน เช่น แคลเซี่ยม เซเลเนี่ยม โครเมี่ยม ฟอสฟอรัส โปตัสเซี่ยม สังกะสี แมงกานีส เป็นต้น

นอกจากนี้ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว ยังมีโปรตีนจากพืช ซึ่งเป็นโปรตีนที่ร่างกายคนต้องการมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ (คนเป็นสิ่งมีชีวิตกินพืชไม่ใช่กินสัตว์) ดังนั้น การรับประทานน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เสริมอาหารในชีวิตประจำวัน จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารในส่วนที่อาหารทั่วไปไม่มีทุกวัน คือ โปรตีน(จากพืช) ไขมัน(ชนิดดีที่ร่างกายต้องการ) และแร่ธาตุต่างๆ

น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุข (อย.)
ทะเบียนเลขที่ 11-1-10249-1-0001
สั่งซื้อติดต่อ คุณอังกูร 086-9106910